ฉลุยทั่วไทย แนะทางเลี่ยงชี้ทางลัด กลับบ้านปีใหม่ ถึงไวกว่าเดิม!

  • 11 พ.ค. 2563
  • 1692
หางาน,สมัครงาน,งาน,ฉลุยทั่วไทย แนะทางเลี่ยงชี้ทางลัด กลับบ้านปีใหม่ ถึงไวกว่าเดิม!

ในช่วงเทศกาล "ปีใหม่ 2559" ที่จะมาถึงนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่ใครหลายคนเดินทางกลับภูมิลำเนา รวมไปถึงอีกหลายครอบครัวที่จะใช้โอกาสนี้เดินทางไปพักผ่อนในช่วงวันหยุดยาวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ส่งผลให้ช่วงเวลาดังกล่าวมีการจราจรหนาแน่น โดยเฉพาะเส้นทางสายหลักที่มุ่งหน้าสู่ภูมิภาคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก โดยในปีนี้ตำรวจทางหลวงคาดการณ์ว่า ประชาชนส่วนใหญ่จะทยอยเดินทางกลับต่างจังหวัดเป็น 2 ช่วง คือ ในช่วงเย็นวันที่ 25-26 ธันวาคม และในช่วงเย็นวันที่ 30 ธันวาคม ถนนหลายสายอาจจะมีปริมาณรถคับคั่ง วันนี้ "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" จึงมีเส้นทางมาแนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึงนี้

 

การเดินทางสู่ภาคเหนือ

1. เดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย) มุ่งหน้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผ่าน จังหวัดอ่างทอง - จังหวัดสิงห์บุรี - จังหวัดนครสวรรค์ จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดพิจิตร จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดสุโขทัย จังหวัดอุตรดิตถ์ และเดินทางไปยังภาคเหนือต่อไป

2. เดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) มุ่งหน้าจังหวัดสระบุรี ผ่านจังหวัดลพบุรี - อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดพิจิตร จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดสุโขทัย จังหวัดอุตรดิตถ์ และขึ้นภาคเหนือต่อไป 

3. ออกจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 340 มุ่งหน้าจังหวัดสุพรรณบุรี ผ่านจังหวัดชัยนาท เพื่อเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) มุ่งหน้าอำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 122 (ทางเลี่ยงเมืองจังหวัดนครสวรรค์) เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดตาก จังหวัดลำปาง และจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป


เส้นทางเลี่ยงรถติดในช่วง จ.นครสวรรค์

เส้นทางที่ 1 : จากต่างระดับอินทร์บุรี เลี้ยวขวา ใช้ทางหลวงหมายเลข 11 ผ่าน อ.ตากฟ้า ท่าตะโก สากเหล็ก ถึงสามแยกวังทอง เลี้ยวซ้าย มุ่งสู่ จ.พิษณุโลก



เส้นทางที่ 2 : เมื่อถึงแยกเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ (กม. 331+810 บนทางหลวงหมายเลข 1) เลี้ยวซ้าย ใช้ทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ (ทางหลวงหมายเลข 122) ถึงสามแยกหนองตะโก เลี้ยวซ้ายไป จ.กำแพงเพชร หรือเลี้ยวขวาไป จ.พิษณุโลก

 

การเดินทางสู่ภาคอีสาน



1. เดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) มุ่งหน้าจังหวัดสระบุรี ผ่านอำเภอม่วงค่อม (ทางหลวงหมายเลข 205) - อำเภอท่าหลวง (ทางหลวงหมายเลข 2256) - อำเภอด่านขุนทด (ทางหลวงหมายเลข 2148) - อำเภอขามทะเลสอ (ทางหลวงหมายเลข 2068) เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมาต่อไป

2. เดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 305 (รังสิต - นครนายก) มุ่งหน้าจังหวัดนครนายก ผ่านอำเภอบ้านนา จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ผ่านอำเภอแก่งคอย - อำเภอปากช่อง เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมาต่อไป ส่วนเส้นทาง 3 สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 314 (บางปะกง - ฉะเชิงเทรา) มุ่งหน้าจังหวัดฉะเชิงเทรา จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 304 ผ่านอำเภอพนมสารคาม - อำเภอกบินทร์บุรี - อำเภอวังน้ำเขียว - อำเภอปักธงชัย เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมาต่อไป

แนะนำเส้นทางเลี่ยงรถติดสู่ภาคอีสาน

เส้นทางที่ 1 : จากถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันออก) มุ่งหน้าสู่ต่างระดับบางปะอิน เลี้ยวขวาเข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรี เพื่อไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ



เส้นทางที่ 2 : จากถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันออก) มุ่งหน้าสู่ต่างระดับบางปะอิน เลี้ยวขวาเข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรี เพื่อไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ



เส้นทางที่ 3 : ใช้ถนนรามอินทรา - สุวินทวงศ์ (ทางหลวงหมายเลข 304) ผ่านฉะเชิงเทรา, พนมสารคาม, กบินทร์บุรี, ปักธงชัย เพื่อไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ



เส้นทางที่ 4 : เดินทางไปยังจังหวัดเพชรบูรณ์-ลพบุรี ให้สังเกตป้ายเลี่ยงเมืองสระบุรี เพชรบูรณ์-ลพบุรี เลี้ยวซ้ายบริเวณแยกหินกอง แล้วจึงตรงไปจนถึงแยกร่องแซงแล้วเลี้ยวขวา แล้วจึงตรงไปจนถึงเส้นเลี่ยงเมืองสระบุรี

เส้นทางเลี่ยงรถติดในช่วง จ.สระบุรี

เส้นทางที่ 1 : จากแยกเลี่ยงเมืองสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนวงแหวนรอบเมืองสระบุรีด้านตะวันออก (ทางหลวงหมายเลข 362) บรรจบถนนมิตรภาพ เลี้ยวขวาเพื่อมุ่งสู่ จ.นครราชสีมา



เส้นทางที่ 2 : จากแยกเลี่ยงเมืองสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนวงแหวนรอบเมืองสระบุรีด้านตะวันตก (ทางหลวงหมายเลข 362) บรรจบทางหลวงหมายเลข 21 มุ่งหน้าไปทาง จ.เพชรบูรณ์ ถึงแยกอำเภอท่าหลวง จ.ลพบุรี เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2256 ถึง อ.ด่านขุนทด เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 201 ไป จ.ชัยภูมิ เพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

 

การเดินทางสู่ภาคใต้

1. เดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนธนบุรี - ปากท่อ/ถนนพระราม 2) มุ่งหน้าจังหวัดสมุทรสาคร ผ่านจังหวัดสมุทรสงคราม - แยกวังมะนาว จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร และเดินทางไปยังภาคใต้ต่อไป 

2. เดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) มุ่งหน้าอำเภอสามพราน ผ่าน อำเภอนครชัยศรี - จังหวัดนครปฐม - จังหวัดราชบุรี - แยกวังมะนาว - จังหวัดเพชรบุรี เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร ไปยังภาคใต้ต่อไป

3. เดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 338 (ถนนบรมราชชนนี/ถนนปิ่นเกล้า - นครชัยศรี) จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) มุ่งหน้าอำเภอนครชัยศรี ผ่านจังหวัดนครปฐม - จังหวัดราชบุรี - แยกวังมะนาว - จังหวัดเพชรบุรี เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร และเดินทางไปยังภาคใต้

 

พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผบก.ทล. วางมาตรการป้องกันอุบัติเหตุ

พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) เปิดเผยว่า ปีนี้คาดว่าประชาชนจะออกเดินทางสู่ต่างจังหวัดกันมาก 2 ช่วง คือ ในช่วงเย็นวันที่ 25-26 ธันวาคม และในช่วงเย็นวันที่ 30 ธันวาคม และเดินทางกลับในวันที่ 1 ม.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่การจราจรหนาแน่นมาก ได้สั่งให้ตำรวจทางหลวงทุกพื้นที่ทั่วประเทศเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยให้ทุกกองกำกับการ และทุกสถานีตำรวจทางหลวงออกแผนการปฏิบัติ ให้มีสถานที่จอดรถ ที่พักผ่อน น้ำ และเครื่องดื่มไว้บริการประชาชน สำรวจจุดเสี่ยงต่างๆ เพื่อหามาตรการป้องกันอุบัติเหตุ และมีการซักซ้อมการปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถวิทยุตรวจการณ์จะต้องมีอุปกรณ์ประจำรถ ให้พร้อมในการช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือขัดข้องขณะเดินทาง

 

ช่วงต่างระดับบางปะอิน คาดว่าจะเป็นจุดที่การจราจรติดขัดเป็นพิเศษ

ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวต่อว่า คาดว่าจุดที่จะมีปัญหามากที่สุดคือ ช่วงต่างระดับบางปะอิน ซึ่งมีช่องทางถึง 5 เส้นทางมาบรรจบ และมีปั๊มน้ำมันจำนวนหลายแห่งที่ประชาชนใช้เป็นที่นัดแนะเส้นทางเพื่อพบกัน จะทำให้การจราจรติดขัดเป็นพิเศษ แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยง ซึ่งทางกองบังคับการตำรวจทางหลวงมีการแนะนำเส้นทางเลี่ยงต่างๆ ให้ประชาชนศึกษาเส้นทางก่อนเดินทาง โดยสามารถโทรสอบถามและแจ้งเหตุได้ที่หมายเลข 1193 หรือเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์กองบังคับการตำรวจทางหลวง และเข้าไปชมวิดีโอ "ทางหลวงแนะนำเส้นทาง" บนเว็บไซต์ยูทูบ หรือขอรับแผ่นพับได้ที่จุดบริการตำรวจทางหลวง รวมทั้งสามารถสอบถามได้ทางไอดีไลน์"@highway1193"

 

หน่วยบริการทางหลวง จัดจุดพักผ่อนในบริเวณต่างๆ 196 แห่งทั่วประเทศ

สำหรับมาตรการในช่วง ปี 2559 ของตำรวจ ได้วางมาตรการก่อนถึงเทศกาล และหลังเทศกาล โดยก่อนเทศกาลมีการจัดทำแผนที่แนะนำเส้นทางทั้งจุดเสี่ยง ทางเลี่ยงต่างๆ มีการกวดขันวินัยการจราจร โดยเน้นในเรื่องการตรวจวัดความเมา การไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย รถที่ใช้ความเร็ว "ในการวิเคราะห์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเกิดขึ้นจากตัวบุคคลเอง หรือผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ดื่มแอลกอฮอล์ อีกส่วนหนึ่งเกิดจากความง่วงอ่อนเพลียของผู้ขับขี่ยานพาหนะ จึงมีการจัดจุดพักผ่อนในบริเวณต่างๆ ในหน่วยบริการทางหลวง 196 แห่ง มีที่พัก ที่หลับนอน มีชา และกาแฟ เพื่อให้พักผ่อนก่อนที่จะเดินทางต่อไป" ผบก.ทล.กล่าว

 

พ.ต.อ. ลือชัย นนท์ปฎิมากุล ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจทางหลวง

ด้าน พ.ต.อ.ลือชัย นนท์ปฎิมากุล ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2558 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2559 โดยเน้นเส้นทางที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ ช่องเขาตะโก จ.สระแก้ว และช่องเขาโทน จ.ปราจีนบุรี ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง อีกทั้งเส้นทาง 304 และ 331 ที่มุ่งหน้าไปภาคอีสาน

อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าเส้นทางที่สามารถหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัด และเส้นทางลัดต่างๆ มีอยู่หลายเส้นทางด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปยังภาคเหนือ ภาคอีสาน หรือภาคใต้ ก่อนการเดินทางอย่าลืมตรวจเช็กสภาพของรถยนต์ และศึกษาข้อมูลของเส้นทาง เพื่อให้ถึงที่หมายอย่างราบรื่น ปลอดภัย ที่สำคัญเมาอย่าขับ.

หางานตามสาขาอาชีพ

JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved

jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด DBD

Top